ติดต่อ

การปรับกระบวนทัศน์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนด้วยการประเมินความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างเหมาะสม

อนาคตของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการการดำเนินการอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้าเร็วมากเท่าไหร่ ผลที่ตามมายิ่งชัดเจนขึ้นว่าขั้นตอนการบรรเทาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่จําเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของพฤติกรรมส่วนบุคคลและระดับสังคมเท่านั้น แต่ยังจําเป็นต้องรวมถึงการปฏิวัติวิธีการประเมินความเสี่ยงอีกด้วย

ในแง่นี้ การประเมินความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ปรับให้เหมาะสมสามารถมีบทบาทสําคัญในการสร้างอนาคตสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยการระบุและจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในภาคส่วนต่างๆ การประเมินเหล่านี้สามารถช่วยให้องค์กรเข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานในหน่วยงานและสามารถระบุการแก้ไขความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศในภาคต่างๆ ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถ:

1. เข้าใจแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจสัมพันธ์ต่อการประเมินความเสี่ยงด้านการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย อาทิเช่น:

  • สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น: คลื่นความร้อน พายุน้ำท่วม ไฟป่า จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานที่ทำงานกลางแจ้ง
  • คุณภาพอากาศลดลง: มลพิษทางอากาศ ฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและโรคภูมิแพ้ของแรงงาน
  • การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำดื่ม: ภัยแล้ง น้ำท่วม ส่งผลต่อการเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด ปัญหาสุขภาพ และการขาดแคลนน้ำในกระบวนการผลิต
  • ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน: สภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลต่อความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐาน อาคาร สถานที่ทำงาน ส่งผลต่อความปลอดภัยของแรงงาน

2. นำข้อมูลที่ได้มาประเมินความเสี่ยงที่ครอบคลุม โดยสามารถระบุช่องโหว่และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ:

  • ระบุความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: วิเคราะห์กิจกรรม ประเภทงาน สถานที่ทำงาน สภาพแวดล้อม เพื่อระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น
    • งานก่อสร้างกลางแจ้งมีความเสี่ยงจากคลื่นความร้อน
    • งานประมงมีความเสี่ยงจากคลื่นลมแรง
    • งานเกษตรกรรมมีความเสี่ยงจากภัยแล้ง
  • ประเมินความรุนแรงและความน่าจะเป็นของความเสี่ยง: คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของสภาพอากาศ ประวัติภัยธรรมชาติ ความถี่ของเหตุการณ์ และความเปราะบางของแรงงาน เช่น
    • แรงงานสูงอายุหรือมีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงต่อความร้อนมากกว่า
    • แรงงานที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากความร้อนมีความเสี่ยงต่อผิวไหม้มากกว่า
  • กำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยง: วางแผนการป้องกันและลดผลกระทบ เช่น
    • จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากความร้อน เช่น หมวก เสื้อผ้าคลุม
    • จัดทำแผนป้องกันและระงับเหตุฉุกเฉิน ฝึกซ้อมการอพยพ
    • เพิ่มช่วงเวลาพักผ่อนในสภาพอากาศร้อน
    • ฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ชลประทาน - รดน้ําพืชผล

3. ส่งเสริมวัฒนธรรมความยั่งยืน: โดยเน้นให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความปลอดภัยและอาชีวอนามัยกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ผลการประเมินจะสนับสนุนให้พนักงานนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการทำงานประจำวันของตน ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยภาพรวมรวม

แต่ผลกระทบนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงองค์กรแต่ละแห่ง การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ปรับให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศมีส่วนสนับสนุนไปสู่เครือข่ายความยั่งยืนที่ใหญ่ขึ้นและเชื่อมโยงกัน โดย:

  • การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) : การจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพจะปรับปรุงการดำเนินงาน ลดการใช้พลังงาน และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนโดยตรงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ประสิทธิภาพด้าน ESG ที่เพิ่มขึ้น: การจัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ปรับให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ปรับปรุงชื่อเสียงของบริษัท และดึงดูดนักลงทุน
  • สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs): การจัดการความปลอดภัยเชิงรุกสอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ที่สำคัญ โดยเฉพาะ SDG 3 (สุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี) SDG 8 (งานที่ดีและเศรษฐกิจที่เติบโต) SDG 13 (การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความพยายามด้านความยั่งยืนทั่วโลก

สรุปแล้ว การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ปรับให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงเรื่องความปลอดภัยของแรงงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยรวมการพิจารณา GHG, ESG และ SDG ไว้ในการประเมินความเสี่ยง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นําลดความเสี่ยงและมีส่วนร่วมในสภาพแวดล้อมการทํางานที่ดีต่อสุขภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นสําหรับทุกคน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ISO14001 Frasers Property
ข่าวสารองค์กรในประเทศDecember 18, 2025

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รับรองมาตรฐาน ISO 14001:2015 จาก SGS ประเทศไทย พร้อมเตรียมสู่ ISO 14001:2026

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการรับรอง ISO 14001:2015 จาก SGS ประเทศไทย พร้อมแนวทางสู่ ISO 14001:2026 เพื่อยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
TLS8001 THALANG PROPERTY
ข่าวสารองค์กรในประเทศDecember 17, 2025

บริษัท รักษาความปลอดภัย และ ถลาง พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด รับรองมาตรฐาน TLS8001 จาก SGS (ประเทศไทย)

ขอแสดงความยินดีกับบริษัท รักษาความปลอดภัย และ ถลาง พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน TLS8001 จาก SGS ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยและคุณภาพบริการ
FSC Panel Plus
ข่าวสารองค์กรในประเทศNovember 27, 2025

SGS มอบใบรับรอง FSC™ Chain-of-Custody ให้พาเนล พลัส ตอกย้ำความมุ่งมั่นจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน

บริษัท พาเนล พลัส จำกัด ได้รับการรับรอง FSC™ Chain-of-Custody จาก SGS ยืนยันกระบวนการผลิตตามหลักการจัดการป่าไม้อย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
GHPs and HACCP Codex Nakhonsawan Ice
ข่าวสารองค์กรในประเทศNovember 19, 2025

SGS ประเทศไทยแสดงความยินดี บริษัท หลอดนครสวรรค์ และ น้ำแข็งนครสวรรค์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs และ HACCP Codex

SGS ประเทศไทยร่วมแสดงความยินดีกับบริษัท หลอดนครสวรรค์ และ น้ำแข็งนครสวรรค์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs และ HACCP Codex ยกระดับความปลอดภัยอาหารสู่มาตรฐานสากล

ข่าวสารและข้อมูลเชิงลึก

  • SGS - Thailand - Bangkok, Head Office

238 TRR Tower, 19th-21st Floor, Naradhiwas Rajanagarindra Road,

Chong Nonsi, Yannawa, 10120,

กรุงเทพ, ประเทศไทย