In the dynamic landscape of food safety and hygiene compliance, organizations face a multitude of challenges ranging from establishing a robust food safety culture to navigating intricate guidelines such as those outlined in BRCGS Food Safety Issue 9. This set of questions delves into various aspects of food safety and workplace practices, seeking clarity on crucial issues that impact the overall safety and quality of food products.
ในสภาพแวดล้อมที่มีพลวัตของการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของอาหาร องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ตั้งแต่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหารที่แข็งแกร่ง ไปจนถึงการนำทางแนวทางที่ซับซ้อน เช่น ที่สรุปไว้ใน BRCGS Food Safety Issue 9 คำถามชุดนี้จะเจาะลึกเข้าไปในแง่มุมต่างๆ ของอาหาร แนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยและในสถานที่ทำงาน โดยแสวงหาความชัดเจนในประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและคุณภาพโดยรวมของผลิตภัณฑ์อาหาร
The first query focuses on the creation of a clear map of food safety culture, aligning with the stringent criteria set forth by BRCGS Food Safety Issue 9. Understanding and implementing these criteria are pivotal for organizations striving to uphold the highest standards in food safety.
คำถามแรกมุ่งเน้นไปที่การสร้างแผนที่ที่ชัดเจนของวัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ที่เข้มงวดที่กำหนดโดย BRCGS Food Safety Issue 9 การทำความเข้าใจและการนำเกณฑ์เหล่านี้ไปใช้ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับองค์กรที่มุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัยของอาหาร
Q1. จะสร้างแผนที่ชัดเจนของวัฒนธรรมความปลอดภัยอาหาร ตามเกณฑ์ของ BRCGS Food Safety Issue 9 ได้อย่างไร ?
Ans: เป็นเจตนาให้ทุกคนทุกระดับในสถานประกอบการมีความตระหนักอยู่เสมอในเรื่อความปลอดภัยอาหาร เนื่องจากมีหลายเหตุการ์ณที่อาจอยู่นอกเหนือระบบ หรือเอกสารที่กำกับ จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านจะสามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่จะเป็นปัญหาความปลอดภัยอาหาร เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมีความปลอดภัย ซึ่ง BRCGS ได้กำหนดแนวทางไว้ในข้อ 1.1.2
สิ่งที่ต้องทำ (shall)
- ต้องทำแผนเป็นเอกสาร แผนการชัดเจน มีมาตรการเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
- ต้องมีแผนกิจกรรมสำหรับทุกแผนกที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอาหาร อย่างน้อย ต้องมีกิจกรรมดังนี้
- การสื่อสารด้านความปลอดภัยอาหาร
- การอบรม
- การรับ feedback จากพนักงาน
- คุณลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมที่ต้องการ
- การวัดผลกิจกรรมที่เกี่ยวกับคุณภาพ ความปลอดภัย ความสอดคล้องตามกฏหมาย ความเป็นของแท้ของผลิตภัณฑ์
3.ต้องระบุในแผน ว่าแต่ละกิจกรรม ทำอะไร ทำอย่างไร วัดประสิทธิผลอย่างไร และกำหนดระยะเวลาของกิจกรรม
4.ต้องทบทวนประสิทธิผลของแต่ละกิจกรรม โดยต้องทบทวน และ update แผนปีละ 1 ครั้ง
Q2. การเเต่งกาย ในพื้นที่ HC/HRเหมือนกันกับพื้นที่อื่นๆ แต่เเตกต่างกันที่สีหมวกได้หรือไม่ และชุดบางส่วนเช่นหมวกสามารถให้พนักงานนำกลับไปซักเอง ได้หรือไม่ ?
Ans:
1.ตามข้อกำหนด 8.4.1 ต้องการให้การแต่งกาย HR/HC ต้องแยกชัดเจนจากบริเวณอื่น หากเป็นหมวกอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอเพราะในขั้นตอนอื่นที่เกี่ยวข้องอาจมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือในทางปฏิบัติ เช่น การซักผ้า การจัดเก็บเสื้อผ้า อาจจะมีการปนเปื้อนหรือการใช้ผิดพลาด นอกจากนั้นการใส่เสื้อสีเหมือนกัน มีโอกาสเดินข้ามไปจุดอื่นได้ หากจำเป็นใช้สีเสื้อเหมือนกันควรจะมีสัญลักษณ์บนเสื้อว่ามเป็น HR/HC จะป้องกันได้ดีกว่า
2.ไม่สามารถซักที่บ้านได้ครับ เพราะเสื้อผ้าต้องมีความสะอาดกว่าสินค้าครับ

Ans. ตามกฎหมาย UK, Food Hyper-sensitivity จะประกอบด้วย 3 ส่วน
- Food Allergen (Immune System e.g. Peanut, Nut เป็นต้น),
- Coeliac Disease (Gluten Allergic, Immune disorder) and
- Food Intolerance (Not Immune system: Lactose, SO2, FD&D 5& 6 เป็นต้น)
Q4. รถ fork-lift หรือ hand lift ในพื้นที่ open product area ต้องทำความสะอาดฆ่าเชื้อ หรือไม่ ? และ opened product area หมายถึงพื้นที่ไหนบ้าง ?
Ans.
1. อุปกรณ์ใน Open Product area ต้องสะอาดครับ ต้องครอบคลุม Forklift/Hand lift ด้วยครับ
2. opened product area เป็นพื้นที่ที่ปฏิบัติงานโดยผลิตภัณฑ์ไม่ได้อยู่ไนบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท และจะประกอบด้วย High risk, high care, ambient high careและ Low risk zone ครับ

Ans. ต้องประยุกต์ตาม statement of intent ข้อ 4.6 และ 4.6.2 “อุปกรณ์การผลิตและอุปกรณ์ที่จัดการกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะต้องมีความเหมาะสมตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ และจะต้องใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนผลิตภัณฑ์” โดยเกณฑ์ประยุกต์ใช้ให้พิจารณาจากความเสี่ยงของส่วนนั้นๆ (part of equipment) ที่นำมาติดตั้ง เช่น กรณีสัมผัสอาหาร ก็ต้องมีเอกสารสเปคการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่ที่นำมาพ่วงต่อ โดยอาจระบุรายละเอียด เช่น วัสดุพื้นผิวสัมผัสอาหาร สอดคล้องตามกฎหมาย วัตถุประสงค์การใช้งาน และประเภทของวัสดุที่จะใช้งาน (ตามข้อ 4.6.1) แต่อาจไม่ถึงการ commissioning ถ้าไม่ได้มี function เพิ่มเติม ซึ่งหากการปรับปรุงหรือดัดแปลงทำให้มี function เปลี่ยนด้วย ก็ต้องทำ commissioning ตามข้อ 4.6.3 เพื่อยืนยันความถูกต้องของการใช้งานในการผลิต และต้องไม่ส่งผลกระทบด้านความปลอดภัยอาหาร หรือความถูกต้องของอาหาร (food integrity) เป็นต้น
Q6. ค่าความไม่แน่นอนจากการตรวจวัด (measurement uncertainty) ของผลการทดสอบหรือผลการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์จากห้อง lab คืออะไร ?
Ans. เป็นค่าบอกความเบี่ยงเบนของผลการวิเคราะห์ที่เกิดขึ้น จากความสามารถของห้อง lab ในการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งมี่ค่าเบี่ยงเบนเป็น +/- และต้องสอบถามจากห้องปฏิบัติการภายนอก (มักไม่ระบุมาให้ แต่ในผลมักระบุเพียงผลทดสอบ และค่า LOD, Limit of Detection หรือค่าต่ำสุดที่สามารถวิเคราะห์ได้) หรือถ้าเป็นห้องปฏิบัติการภายใน ก็ต้องมาคำนวณหาค่านี้ (ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตาม ISO/TS 17025) โดยหากมีค่าเบี่ยงเบนสูง จะส่งผลให้การแปลผลไม่ถูกต้อง เช่น ผลการวิเคราะห์เชื้อ TPC ได้ 80 cfu/g และมีค่าไม่แน่นอนจากการตรวจวัดที่ +/- 0.5 log cycle จะทำให้ค่าการวิเคราะห์ที่แท้จริงจะอยู่ระหว่าง 25-253 cfu/g นั่นหมายความว่า หากข้อกำหนดระบุไว้ไม่เกิน 100 cfu/g การแปลผลถือไม่ได้ตามข้อกำหนด
238 TRR Tower, 19th-21st Floor, Naradhiwas Rajanagarindra Road,
Chong Nonsi, Yannawa, 10120,
Bangkok, Thailand



